เด็กจากจังหวัดลำพูน เข้ามาสู่กรุงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเรียนมหาวิทยาลัย เขาเข้ามาพร้อมกับโอกาสอีกเส้นทางที่ดูเหมือนจะเปิดกว้างกว่า กับเซ็นสัญญาเป็นนักร้องฝึกหัดในเครือ GMM ที่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ‘นักฟุตบอล’ เพราะเจ้าตัวไม่ได้สังกัดอคามีชั้นนำใดๆ และไม่ได้มีสโมสรเป็นหลักเป็นแหล่ง ดีกรีแค่เพียง นักฟุตบอลระดับตัวแทนจังหวัดเท่านั้น 

แต่ด้วยความหลงใหลในลูกกลมๆ เขาเลือกที่จะปฏิเสธโอกาสในการเป็นนักร้องค่ายดัง และไปขอร่วมฝึกกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ที่มี ‘มหาโต’ นิพล มาลานนท์ ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติไทย และเป็นผู้ปลุกปั้นมือกาวชั้นนำมาหลายต่อหลายคน เป็นโค้ชผู้รักษาประตู

และ อาร์มี่ ยูไนเต็ด คือสโมสรอาชีพแรก ที่มอบสัญญาให้กับผู้รักษาประตูรายนี้ พร้อมกับโอกาสลงสนาม 0 นัด ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะตำแหน่งที่ลงได้เพียงคนเดียวอย่างผู้รักษาประตู เด็กวัยเพียง 20 ปี ย่อมไม่ใช้ตัวเลือกแรกๆ อยู่แล้ว 

สุพรรณบุรี เอฟซี คือทีมต่อมาที่รับ ‘ตี๋’ เข้าสู่ทีม แต่เขามาได้โอกาสลงสนามเพียงนัดเดียว และพอมีชื่อขึ้นมาบ้างกับ พีทีที ระยอง ส่วนโอกาสครั้งสำคัญก็มาถึงกับการย้ายไปเล่นกับทีมใหญ่อย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด) แต่มันก็มาพร้อมกับข้อครหาที่ว่า บีจี ซื้อเข้ามาส่วนหนึ่งก็เพื่อการตลาดที่จะอาศัยหน้าตาอันหล่อเหลาของ บุญยเกียรติ มาช่วยในการโปรโมตทีม 

จริงไม่จริง ไม่มีใครรู้ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนาม แต่ได้โยกไปเฝ้าเสากับ อยุธยา ยูไนเต็ด ในสัญญายืมตัวแทน แต่มันก็กลายเป็นข้อดี เพราะมันมาพร้อมกับโอกาสในลงสนาม

ถ้าคุณลองเอาชื่อ ‘บุญยเกียรติ วงค์ษาแจ่ม’ ไปค้นหาใน กูเกิ้ล แทบทุกข่าว หรือแทบทุกบทความที่ขึ้นมา จะหนีไม่พ้นกับคำว่า ‘หล่อ’ แน่นอนก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีใครพูดถึงฝีไม้ลายมือของนายด่านผู้นี้เลย ซึ่งไม่ได้ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะโอกาสลงสนามน้อยนิด ตลอดช่วงชีวิตการค้าแข้ง ‘คอนเทนต์’ ที่พอจะขายได้ของเขา ก็อาจจะเป็นเพียงหน้าตาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น 

สุดท้ายเจ้าตัวก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเอง มุ่งมั่นฝึกซ้อม เต็มร้อยในทุกเกม พร้อมกับยอมลดระดับลงไปเล่นในทีมที่เล็กกว่าเพื่อโอกาสในการลงสนาม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในอาชีพนักฟุตบอล สุดท้าย ‘ตี๋’ ออกจาก บีจี ย้ายไปเล่นให้กับ ราชนาวี เอฟซี ที่อยู่ใน ไทยลีก 2 และมันก็กลายเป็นจุดหมายสำคัญอีกครั้งหนึ่งของเขา

ใน ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2020/21 ‘โอปป้าตี๋’ เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม ลงสนาม 90 นาทีเต็ม ตลอด 34 เกมที่ทีมลงแข่งในลีก แม้ว่า ‘ตะหานน้ำ’ จะจมลงด้วยอันดับที่ 11 แต่ก็เปิดโอกาสให้ได้โชว์ฝีมือ จนไปเตะตา อุทัยธานี เอฟซี ที่เป็นทีมน้องใหม่น่าจับตามองใน ไทยลีก 3 แม้ว่าจะอยู่ลีกต่ำกว่า ราชนาวี แต่เขาก็พร้อมย้ายไปหาโอกาสที่ดีกว่า 

บุญยเกียรติ กลายเป็นกำลังสำคัญพา ‘อีโบ๊ะพิฆาต’ เลื่อนชั้น และโลดเล่นอยู่ใน ไทยลีก ณ ปัจจุบัน และในฤดูกาลนี้ เขาเก็บคลีนชีตไปแล้ว 3 นัด แม้จะไม่มาก แต่ก็มาพร้อมกับจำนวนการเซฟที่สูง เพราะเขาเซฟได้ถึง 47 ครั้ง รวมถึงออกมาตัดลูกกลางอากาศ 21 หน ตลอด 18 นัดในฤดูกาล 

สำหรับทีมชาติไทย จริงๆ ในช่วงเวลานี้ มีผู้รักษาประตูหลายคนโชว์ฟอร์มแจ่ม จนน่าเรียกขึ้นมาติด ทั้ง นนท์ ม่วงงาม จาก ลำพูน วอริเออร์ หรือจิรวัฒน์ วังทะพันธ์ กับกัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ที่เคยติดก่อนหน้านี้ แต่กลับเป็นชื่อของนายด่านจาก อุทัยธานี ขึ้นมาแทน โดยทาง อิชิอิ ให้เหตุผลว่า "พื้นฐานในการเลือกแต่ละตำแหน่ง คือความสามารถเฉพาะตัว ร่างกาย การมีส่วนร่วมกับทีม”

แม้ว่าโอกาสในการประเดิมลงสนามแทบจะเป็นศูนย์ ในโปรแกรมที่จะต้องดวลกับ เกาหลีใต้ 2 นัด แต่เส้นทางของ บุญยเกียรติ ก็มาไกลเกินว่าที่ใครหลายๆ คนคาดคิด 

“วิธีรับมือคืออยู่เฉยๆ ไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้นครับ ผมมีความพยายามสูงอยู่แล้ว ผมก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก ผมเชื่อว่าเดี๋ยวคำตอบว่าเราดีหรือไม่ดีมันจะมาเอง” คำของของ ‘เจ้าตี๋’ กับข้อครหาว่ามีดีแต่หน้าตา จนพาตัวเองก้าวขึ้นมา เป็นด่านปราการสุดท้ายของ ทีมชาติไทย ในยุค มาซาทาดะ อิชิอิ

The Lite Team.